แตงกวา ผักพื้นบ้านที่มีประโยชน์มากมาย ปลูกง่าย ดูแลไม่ยาก

แตงกวา

แตงกวา ผักพื้นบ้านเพื่อสุขภาพที่ควรมีติดบ้าน

แตงกวา เป็นพืชในวงศ์แตง (Cucurbitaceae) มีถิ่นกำเนิดในประเทศอินเดีย นิยมปลูกเพื่อใช้ผลเป็นอาหาร มีอายุตั้งแต่ปลูกจนถึงเก็บเกี่ยว 40-60 วัน แตงกวาสามารถนำไปปรุงอาหารได้มากมายหลายชนิดเช่น แกงจืด ผัด กินกับน้ำพริก หรืออาจแปรรูปเป็น แตงกวาดอง แตงกวาเป็นพืชที่ให้น้ำสูงมาก โดยส่วนประกอบหลักของแตงกวากว่า 95% เป็นน้ำ ส่วนที่เหลือเป็นเส้นใยธรรมชาติ แร่ธาตุ วิตามิน และสารประกอบต่าง ๆ จึงทำให้แตงกวามีคุณค่าทางโภชนาการที่ดีต่อสุขภาพร่างกาย

ประโยชน์ของ “ แตงกวา “

แตงกวาเป็นผักที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ วิตามินซี วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินบี 5 วิตามินบี 6 วิตามินบี 9 แมกนีเซียม โพแทสเซียม แคลเซียม ฟอสฟอรัส ซิลิคอน และสารต้านอนุมูลอิสระ

ประโยชน์ของแตงกวาที่ดีต่อสุขภาพ

  • ช่วย เพิ่มความชุ่มชื้น แตงกวามีปริมาณน้ำสูง จึงช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับร่างกาย บรรเทาอาการกระหายน้ำ และช่วยป้องกันอาการขาดน้ำ
  • ช่วย บำรุงผิว แตงกวามีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะและอนุมูลอิสระ ช่วยลดเลือนริ้วรอย รอยจุดด่างดำ และช่วยให้ผิวกระจ่างใส
  • ช่วย ดีท็อกซ์ร่างกาย แตงกวามีไฟเบอร์สูง ช่วยกระตุ้นการขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย บรรเทาอาการท้องผูก และช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ช่วย ควบคุมน้ำหนัก แตงกวามีแคลอรี่ต่ำและใยอาหารสูง จึงช่วยควบคุมน้ำหนักและลดความอ้วนได้
  • ช่วย บำรุงสายตา แตงกวามีวิตามินเอสูง ที่ช่วยบำรุงสายตาและป้องกันโรคต้อกระจก
  • ช่วย ป้องกันโรคหัวใจ แตงกวามีโพแทสเซียมสูง ซึ่งช่วยควบคุมความดันโลหิตและป้องกันโรคหัวใจ
  • ช่วย ต้านมะเร็ง สารต้านอนุมูลอิสระในแตงกวาช่วยป้องกันเซลล์จากการถูกทำลายและเจริญเติบโตเป็นเซลล์มะเร็ง

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เป็นโรคเก๊าท์ โรคไตวาย หรือโรคตับ ควรจำกัดการรับประทานแตงกวา เนื่องจากแตงกวามีกรดยูริกสูง โพแทสเซียมสูง และวิตามินซีสูง ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้

วิธีปลูกแตงกวา

1. เตรียมดิน แตงกวาเป็นพืชที่ชอบดินร่วนซุย มีอินทรียวัตถุสูง ระบายน้ำได้ดี การเตรียมดินควรไถพรวนให้ลึกประมาณ 30-40 เซนติเมตร ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักลงไป อัตรา 10-20 กิโลกรัมต่อหลุม ผสมให้เข้ากันดี

2. เพาะกล้า การเพาะกล้าจะช่วยให้ต้นแตงกวาแข็งแรงและทนทานต่อโรคและแมลงได้ วัสดุเพาะกล้าที่นิยมใช้คือ ดินร่วนผสมกับปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักอัตรา 1:1 หยอดเมล็ดแตงกวาลงในหลุมละ 2-3 เมล็ด รดน้ำให้ชุ่ม คลุมด้วยวัสดุบาง ๆ เช่น ฟางข้าว หรือกระดาษหนังสือพิมพ์ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำระเหยและต้นกล้าถูกแสงแดดมากเกินไป ประมาณ 7-10 วัน ต้นกล้าจะงอกขึ้นมา

3. ย้ายกล้าลงปลูก เมื่อต้นกล้าแตงกวามีใบจริง 3-4 ใบ จึงย้ายลงปลูกได้ ระยะห่างระหว่างหลุมปลูกประมาณ 50-60 เซนติเมตร ระยะห่างระหว่างแถวปลูกประมาณ 70-80 เซนติเมตร รดน้ำให้ชุ่ม

4. ดูแลรักษา แตงกวาเป็นพืชที่ต้องการน้ำมาก ควรรดน้ำให้สม่ำเสมอ วันละ 2-3 ครั้ง โดยเฉพาะในช่วงออกดอกติดผล การให้ปุ๋ยควรให้ปุ๋ยสูตร 15-15-15 อัตรา 10-20 กรัมต่อหลุม ทุก 15-20 วัน กำจัดวัชพืชบริเวณโคนต้นอย่างสม่ำเสมอ

5. การเก็บเกี่ยว แตงกวาสามารถเก็บเกี่ยวได้ประมาณ 35-45 วัน หลังหยอดเมล็ด แตงกวาที่พร้อมเก็บเกี่ยวจะมีความยาวประมาณ 10-15 เซนติเมตร ผลมีสีเขียวเข้ม ผิวเรียบไม่มีรอยช้ำ

เคล็ดลับการปลูกแตงกวาให้ได้ผลดี

  • ควรเลือกเมล็ดพันธุ์แตงกวาที่มีคุณภาพดี
  • ปลูกแตงกวาในบริเวณที่มีแสงแดดเพียงพอ
  • ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักให้เพียงพอ
  • รดน้ำให้สม่ำเสมอ
  • กำจัดวัชพืชบริเวณโคนต้นอย่างสม่ำเสมอ
  • เก็บเกี่ยวแตงกวาเมื่อผลมีขนาดเหมาะสม

โดยรวมแล้ว การปลูกแตงกวาไม่ยาก สามารถทำได้ง่าย ๆ ที่บ้าน เพียงใส่ใจดูแลอย่างถูกวิธี ก็จะได้แตงกวาสด ๆ กรอบอร่อยไว้รับประทานเองหรือจำหน่ายได้

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : https://kitchen-gardenth.com/

เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ : ผักติ้ว