สะตอ ผักพื้นบ้านของภาคใต้ ประโยชน์เยอะ

สะตอ
สะตอ

สะตอ คืออะไร สะตอผักพื้นบ้านของภาคใต้

สะตอ เป็นพืชผักยืนต้นในวงศ์ถั่ว มีกิ่งก้านที่มีขนละเอียดใบประกอบแบบขนนกสองชั้น จะออกช่อที่ปลายของกิ่ง สะตอมีถิ่นกำเนิดในเขตร้อนชื้นของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ มาเลเซีย, อินโดนีเซีย รวมถึงทางตอนใต้ของไทย และพม่า โดยสะตอเจริญเติบโตได้ดีตามเชิงเขาที่มีสภาพป่าสมบูรณ์ ที่มีความชื้นในอากาศสูง สะตอมีเมล็ดที่มีกลิ่นเหม็นเขียวรุนแรง แต่นิยมนำมารับประทานกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอาหารไทยปักษ์ใต้ หลังจากรับประทานสะตอเข้าไปจะมีกลิ่น สามารถดับกลิ่นสะตอ ด้วยการรับประทานมะเขือเปราะตามสักสองสามลูก

สะตอแบ่งออกเป็น 2 สายพันธุ์หลัก ๆ คือ

  • สะตอดาน มีฝักแบน ยาวตรง มีเมล็ดนูนใหญ่ เนื้อแน่นเต็มฝักชัดเจน นิยมนำมาแกะเปลือกรับประทาน
  • สะตอข้าว มีฝักบิดเป็นเกลียว ฝักสั้น และมีกลิ่นที่ไม่ฉุนมาก นิยมนำมารับประทานทั้งฝักโดยไม่ต้องแกะเปลือก

สะตอเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของไทย โดยแหล่งปลูกสะตอที่สำคัญจะอยู่ในบริเวณภาคใต้ของประเทศ เช่น ระนอง, ชุมพร, สงขลา, สตูล, พัทลุง, ปัตตานี และนราธิวาส เป็นต้น

สะตอ มีประโยชน์อย่างไรบ้าง?

สะตอเป็นพืชตระกูลถั่วชนิดหนึ่งที่นิยมรับประทานในภาคใต้ของไทย สะตอมีคุณค่าทางโภชนาการสูง มีโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ มากมาย ดังนี้

  • โปรตีน สะตอมีโปรตีนประมาณ 17% ซึ่งสูงกว่าถั่วลิสงถึง 2 เท่า
  • คาร์โบไฮเดรต สะตอมีคาร์โบไฮเดรตประมาณ 58%
  • ไขมัน สะตอมีไขมันประมาณ 10%
  • วิตามิน สะตอมีวิตามินซี วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 และวิตามินบี 3
  • แร่ธาตุ สะตอมีแคลเซียม เหล็ก ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม

ประโยชน์ของสะตอที่มีต่อสุขภาพ

  • ช่วยในการ บำรุงสายตา วิตามินเอในสะตอช่วยบำรุงสายตาให้มองเห็นในที่มืดได้ดี
  • ช่วยให้ เจริญอาหาร สะตอมีโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมัน ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญของร่างกาย ช่วยกระตุ้นการหลั่งน้ำย่อยและเพิ่มการอยากอาหาร
  • ช่วยป้องกัน โรคเบาหวาน สะตอมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันเซลล์ถูกทำลาย ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้
  • ช่วย ขับลมในลำไส้ สะตอมีสารที่มีฤทธิ์ขับลม ช่วยบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่นท้อง
  • ช่วย ขับปัสสาวะ สะตอมีฤทธิ์เป็นยาระบาย ช่วยขับปัสสาวะ
  • ช่วย บำรุงกระดูกและฟัน สะตอมีแคลเซียมและฟอสฟอรัสสูง ช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง
  • ช่วย ป้องกันโรคหวัด วิตามินซีในสะตอช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกันหวัดและโรคติดเชื้อ

อย่างไรก็ตาม สะตอมีกรดยูริกสูง ผู้ที่มีโรคเกาต์ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานสะตอ

วิธีดับกลิ่นสะตอก่อนนำไปทำอาหาร

  • แช่สะตอในน้ำสะอาดนาน 1-2 ชั่วโมง
  • ใส่มะเขือเปราะลงไปแช่กับสะตอ
  • นำไปผัดกับเครื่องเทศต่างๆ
  • นำไปต้มกับน้ำมะขาม
  • นำไปต้มกับน้ำมะนาว

วิธีการปลูกสะตอ

การเตรียมดิน

สะตอชอบดินร่วนปนทราย หรือดินเหนียวปนทรายที่มีความชื้นสูง การเตรียมดินควรไถพรวนให้ลึกประมาณ 20-30 เซนติเมตร จากนั้นใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน

ระยะปลูก

ระยะปลูกที่เหมาะสมคือ 12 x 12 เมตร หรือ 10 x 10 เมตร ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของพื้นที่ปลูก

การปลูก

นำต้นกล้าสะตอที่มีอายุ 2-3 เดือน ปลูกลงในหลุมที่เตรียมไว้ โดยให้กลบดินให้มิดโคนต้น รดน้ำให้ชุ่ม

การดูแลรักษา

การใส่น้ำ สะตอต้องการน้ำปริมาณมาก โดยเฉพาะในช่วงที่มีอากาศร้อน ควรให้น้ำวันละ 1-2 ครั้ง

การใส่ปุ๋ย ควรใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักปีละ 2 ครั้ง ในช่วงฤดูฝน และฤดูหนาว

การกำจัดวัชพืช ควรกำจัดวัชพืชอย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้แย่งธาตุอาหารและน้ำจากต้นสะตอ

การเก็บเกี่ยว สะตอจะเริ่มออกดอกตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นไป และจะเริ่มเก็บเกี่ยวได้ในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม โดยเก็บเกี่ยวฝักสะตอที่แก่จัด สังเกตได้จากฝักจะมีลักษณะกลม เปลือกฝักแข็ง และสีน้ำตาลเข้ม

เคล็ดลับการปลูกสะตอให้ได้ผลผลิตดี

  • ควรเลือกปลูกพันธุ์สะตอที่มีคุณภาพ
  • เตรียมดินให้เหมาะสม
  • ปลูกต้นกล้าในหลุมที่เตรียมไว้ให้เรียบร้อย
  • ให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ
  • ใส่ปุ๋ยอย่างเหมาะสม
  • กำจัดวัชพืชอย่างสม่ำเสมอ
  • เก็บเกี่ยวฝักสะตอที่แก่จัด

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : https://kitchen-gardenth.com/

เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ : แตงกวา