ผักกูด ผักพื้นบ้านหาทานง่าย ทำอาหารอร่อยแถมมีประโยชน์ด้วย

ผักกูด
ผักกูด

ผักกูด พืชผักสมุนไพรที่ดีมีประโยชน์

ผักกูด เป็นชื่อของผักชนิดหนึ่งที่อยู่ในตระกูลเฟิร์น มีลักษณะเป็นใบประกอบแบบขนนกสองชั้น ขอบใบหยักฟันเลื่อย ยอดอ่อนและปลายยอดจะมีลักษณะงอแบบก้นหอย พบกระจายพันธุ์ทั่วไปในทวีปเอเชียและโอเชียเนีย ในไทยผักกูดมักขึ้นอยู่ตามริมน้ำหรือพื้นที่ชุ่มน้ำ มากกว่าในป่าทึบ มักพบบ่อยเพราะเป็นช่วงเจริญเติบโตในฤดูฝน และในส่วนที่กินได้ของผักกูด คือ ยอดอ่อนและใบอ่อน

ผักกูด มีประโยชน์อย่างไรบ้าง?

ผักกูดเป็นผักพื้นบ้านที่พบได้ทั่วไปในประเทศไทย จัดเป็นผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง อุดมไปด้วยสารอาหารต่าง ๆ เช่น ธาตุเหล็ก วิตามินเอ วิตามินซี เบต้าแคโรทีน แคลเซียม และเส้นใยอาหาร เป็นต้น ผักกูดจึงมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย ดังนี้

  • ช่วยในการ บำรุงร่างกายให้แข็งแรง ผักกูดอุดมไปด้วยธาตุเหล็ก ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างเม็ดเลือดแดง ช่วยให้ร่างกายได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ ส่งผลให้ร่างกายแข็งแรงและทนทานต่อโรคต่าง ๆ
  • ช่วยในการ บำรุงสายตา ผักกูดมีเบต้าแคโรทีน ซึ่งสามารถเปลี่ยนเป็นวิตามินเอในร่างกาย วิตามินเอจำเป็นต่อการทำงานของดวงตา ช่วยให้มองเห็นในที่มืดได้ดี
  • ช่วยในการป้องกัน โรคโลหิตจาง ผักกูดมีธาตุเหล็กสูง ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างเม็ดเลือดแดง ผู้ที่ขาดธาตุเหล็กอาจมีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย หน้าซีด ชาปลายมือปลายเท้า การรับประทานผักกูดเป็นประจำจะช่วยป้องกันโรคโลหิตจางได้
  • ช่วยในการป้องกัน โรคมะเร็ง ผักกูดมีสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายของอนุมูลอิสระ อนุมูลอิสระเป็นสารที่เกิดจากกระบวนการเผาผลาญของร่างกาย ซึ่งอาจก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้
  • ช่วยในการ บำรุงกระดูกและฟัน ผักกูดมีแคลเซียมสูง ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างกระดูกและฟันที่แข็งแรง
  • ช่วยเรื่อง ระบบขับถ่าย ผักกูดมีเส้นใยอาหารสูง ซึ่งช่วยเพิ่มกากใยในระบบทางเดินอาหาร ช่วยให้ขับถ่ายได้ง่ายขึ้น

วิธีการปลูกผักกูด ขั้นตอนการปลูกผักกูด

ผักกูดเป็นพืชที่ปลูกง่าย เจริญเติบโตได้ดีในสภาพที่มีความชื้นสูงและร่มรำไร นิยมปลูกเป็นผักสวนครัวและประดับบ้าน ผักกูดสามารถปลูกได้ทั้งแบบลงดินและปลูกในกระถาง

วิธีปลูกผักกูดลงดิน

  1. เลือกพื้นที่ปลูกที่มีความชื้นสูง ดินจะอุ้มน้ำดีมีความชื้นแฉะ แต่ไม่ท่วมขัง แสงแดดส่องรำไรตลอดทั้งวัน
  2. เตรียมดินปลูก โดยไถพรวนดินให้ร่วนซุย ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักลงไป อัตราส่วน 1:1
  3. ทำร่องปลูก กว้างประมาณ 1 เมตร ลึกประมาณ 20 เซนติเมตร
  4. นำต้นพันธุ์ผักกูดลงปลูกในร่องปลูก โดยเว้นระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 50 เซนติเมตร
  5. รดน้ำให้ชุ่ม

วิธีปลูกผักกูดในกระถาง

  1. เลือกกระถางที่มีรูระบายน้ำได้ดี มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางตั้งแต่ 7 นิ้วขึ้นไป
  2. ใส่ดินปลูกลงไปประมาณ 2 ใน 3 ของกระถาง
  3. นำต้นพันธุ์ผักกูดลงปลูกในกระถาง โดยเว้นระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 20 เซนติเมตร
  4. รดน้ำให้ชุ่ม

เคล็ดลับการปลูกผักกูดให้ได้ผลดี

ผักกูดเป็นผักพื้นบ้านชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมปลูกกันทั่วไป เนื่องจากมีคุณค่าทางโภชนาการสูง รสชาติอร่อย และปลูกง่าย เคล็ดลับการปลูกผักกูดให้ได้ผลดี มีดังนี้

  • เลือกพื้นที่ปลูกที่เหมาะสม ผักกูดเป็นพืชที่ชอบความชื้นและร่มรำไร ควรปลูกในพื้นที่ที่มีดินร่วนปนทราย ระบายน้ำได้ดี หลีกเลี่ยงการปลูกในพื้นที่ที่มีแสงแดดจัดเกินไป
  • เตรียมดินให้พร้อม ก่อนปลูกผักกูด ควรเตรียมดินให้ร่วนซุย โดยใส่ ปุ๋ยคอก หรือ ปุ๋ยหมัก ลงไปเพื่อบำรุงดิน ปรับระดับดินให้เสมอกัน และกำจัดวัชพืชออกให้หมด
  • วิธีการปลูก ผักกูดสามารถปลูกได้ทั้งวิธีลงแปลงและปลูกในกระถาง การปลูกลงแปลง ควรขุดหลุมลึกประมาณ 10-15 เซนติเมตร ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักลงไปเล็กน้อย แล้วนำต้นผักกูดลงปลูก โดยกลบดินให้มิดโคนต้น ระยะห่างระหว่างต้นและระหว่างแถวประมาณ 30×50 เซนติเมตร ส่วนการปลูกในกระถาง ควรใช้กระถางที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 20-30 เซนติเมตร ใส่ดินร่วนปนทรายลงไปให้เต็มกระถาง แล้วนำต้นผักกูดลงปลูก โดยกลบดินให้มิดโคนต้น
  • การให้น้ำ ผักกูดเป็นพืชที่ต้องการน้ำมาก ควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ โดยวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น ในช่วงฤดูฝน อาจลดการให้น้ำลงได้บ้าง
  • การใส่ปุ๋ย ควรใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักเดือนละ 1 ครั้ง ในช่วงฤดูฝน และเดือนละ 2 ครั้ง ในช่วงฤดูร้อน
  • การกำจัดวัชพืช ควรกำจัดวัชพืชออกให้หมดเป็นประจำ เพื่อไม่ให้แย่งอาหารและน้ำจากผักกูด
  • การคลุมดิน การคลุมดินด้วยฟางหรือหญ้าแห้ง จะช่วยรักษาความชื้นในดิน และป้องกันการเจริญเติบโตของวัชพืช
  • การเก็บเกี่ยว ผลผลิต ผักกูดสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้เมื่อมีอายุประมาณ 3-4 เดือน โดยตัดฟรอนด์ด้านบนออก เหลือไว้ประมาณ 15 เซนติเมตร ผักกูดจะแตกยอดใหม่ออกมาเรื่อยๆ ใช้เวลาเก็บเกี่ยวได้ประมาณ 2 ปี

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : https://kitchen-gardenth.com/

เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ : สะตอ